1/9/53

พระราชวังมัณฑะเลย์


พระราชวังมัณฑะเลย์


        ไซ..พาไปกินอาหารในร้านอาหาร หลังจากขึ้นฝั่ง จำไม่ได้ว่าที่ไหน อาหารพอใช้ได้ เราดูจากแผ่นพับที่ได้มา มีร้านอาหารน่าสนใจหลาย ๆ แห่ง ตั้งอยู่รอบ ๆ พระราชวังมัณฑะเลย์ รวมทั้งมีร้านอาหารไทยด้วยแต่เราไม่ได้ไปชิม มิเชลบอกว่าเกิดไม่อร่อยเดี๋ยวจะผิดหวัง
         หลังอาหารเราสามคนตรงดิ่งไปที่พระราชวังฯ ดูจากแผ่นพับแล้วกว้างใหญ่มาก ที่นี่ต้องเสียค่าเข้าชมคนละ ๑๐ ยูเอสดอลลาร์ แต่สามารไปชมเมือง Amarapura, Innwa, Pinya Palaik ได้ด้วย จะเรียกตั๋วเหมาคงไม่ผิด



       พระราชวังมัณฑะเลย์ สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๐๒ โดยพระเจ้ามินดง กว้างและยาวด้านละกว่า ๒ กิโลเมตร แต่ถูกทำลายจนหมดสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง และเกิดเหตุโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ที่พระนางอเลนันดอ มเหสีองค์หนึ่งของพระเจ้ามินดง ร่วมกับอำมาตย์เตงดาวุนคะยี กับพระนางศุภยลัตพระธิดา ก่อกรรมครั้งใหญ่ ลอบฆ่าพระเทวี พระราชโอรส และพระญาติของพระเจ้ามินดง ตายถึง ๘๐ พระศพ และขุดหลุมฝังไว้ในพระราชวังแห่งนี้เอง โดยที่พระเจ้ามินดงไม่ทรงทราบเรื่องนี้เลย...แต่หลังจากพระเจ้ามินดงสวรรคต รัฐบาลอังกฤษได้เนรเทศทั้งสามไปอยู่ที่เมืองรัตนคีรี เมืองเล็ก ๆ ในมุมไบ ประเทศอินเดีย



                                         นักท่องเที่ยวชาวพม่ากับชุดเจ้านายสมัยก่อน

             ภายในพระราชวังส่วนมากจึงมีแต่ของจำลองสร้างด้วยเหล็กดัดต่างไม้ฉลุ ฝีมือหยาบ ๆ สิ่งที่เป็นของเดิมที่ยังเหลืออยู่คือ กำแพงพระราชวัง กับป้อมรูปทรงปราสาทเท่านั้น วันที่เราไปเผอิญมีชาวพม่าหลายคนแต่งตัวเหมือนกษัตริย์พม่าสมัยก่อนและถ่ายรูปไว้ เราเลยได้มีโอกาสเห็นว่าเขาแต่งกายกันอย่างไร
 


     หลังจากขึ้นไปถ่ายภาพบนหอคอยสูง ก็ต้องวิ่งหาห้องน้ำอีกรอบทั้ง ๆ ที่ทั้งวันดื่มแต่น้ำมะพร้าวที่ซื้อที่เมืองมิงกุน เชื้อแบคทีเรียในท้องนี่ร้ายแรงจริง ๆ อีกทั้งท้องใส้เริ่มไม่คุ้นเคยกับอาหารแปลก ๆ มานาน เลยไปกันใหญ่ มิเชลกับไซ มองแม่บุญด้วยความเห็นใจ แต่ช่วยอะไรไม่ได้



หอคอย

ออกจากราชวัง เราไปชมวิวเมืองบนภูเขามัณฑะเลย์ เพื่ชมพระอาทิตย์อัสดง และชมเมืองโดยรอบ รถวิ่งไต่เขาไปนานเกือบชั่วโมง จากนั้นต้องขึ้นบันไดเลื่อนสูงมาก ๆ ขึ้นไปยังยอดเขา จากนั้นก็เดินถอดรองเท้าเดินชมวิว ถ่ายรูปกันตามแต่ชอบ นักท่องเที่ยวมากมายมาจากที่ต่าง ๆ เราเจอนักท่องเที่ยวที่พูดฝรั่งเศสกันเยอะพอสมควร ทุกคนต่างประทับใจกับการมาเยือนพม่ากันทั้งนั้น

หน้าซีดเพราะถ่ายไม่หยุด

ภายในยังมีพระพุทธรูปประดิษฐานให้คนกราบไหว้ ไกลออกไปลิบ ๆ จะมองเห็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ชื่อ ชเวยัตตอ Shwe yattaw เป็นพระพุทธรูปประทับยืน กำลังชี้พระหัตถ์ไปยังพระราชวังกลางกรุงมัณฑะเลย์ เป็นเสมือนสัญลักษณ์เตือนใจพุทธศาสนิกชนพม่าว่า ครั้งหนึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เคยเสด็จมายังยอดเขาแห่งนี้ ณ ที่แห่งนี้พุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรือง






เย็นนั้นเรากลับโรงแรมกันหลังพระอาทิตย์อัสดง ระหว่างทางไซเลยถือโอกาสพาไปกินอาหารพื้นเมืองของชาวพม่า ที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า แต่แม่บุญได้แต่ชิมนิด ๆ หน่อย ๆ เพราะรู้ตัวว่า ไม่นานอาหารทั้งหลายก็จะไม่อยู่ในท้องแล้ว กินไปก็เท่านั้น ทุกข์ครั้งนี้..หลายวันจริง ๆ ออกจากร้านอาหารเหมือนพระท่านจะเมตตา เพราะมีร้านขายยาตั้งอยู่ไม่ห่าง มิเชล กับ ไซ รีบเดินเข้าไปหาซื้อยาให้แม่บุญทันที โชคดีที่มิเชลรู้จักชื่อยา พรุ่งนี้..คงจะดีขึ้นนะแม่บุญ

ก่อนกลับไปไซถามว่าจะไปดูพิธีล้างหน้าพระมหามุนีหรือเปล่า ถ้าไปต้องตื่นตีสาม เพราะเขาเริ่มพิธีกันตีสี่ มิเชลกับแม่บุญบอกว่าไม่เอา เพราะหลังจากนั้นเราต้องตระลอนทั้งวันอีก สองเฒ่ากำลังหดหายไปเยอะแล้วไม่น่าจะไหว กลับไปนอนพักดีกว่า




ภาพสุดท้ายของวันอันแสนเหนื่อย