23/10/53

Bagan 2

พุกาม..ทะเลเจดีย์

      พุกาม..ดินแดนแห่งเจดีย์ ที่ได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก ( World Heritage Site ) เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก จนได้รับสมญานามว่า ป่าแห่งเจดีย์ ( forest of Pagodas ) สำรวจและขึ้นทะเบียนแล้วว่ามีเจดีย์มากถึง 2,217 แห่ง ในปัจจุบัน สมัยก่อนมีมากมายกว่าสี่พันแห่ง เจดีย์ในความหมายของชาวพม่าคือ สัญลักษณ์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะความศรัทธาจึงพากันสร้างเจดีย์ไว้มากมายอย่างที่เห็น ที่พม่า.....เดินไปทางไหนเห็นพระพม่าเต็มไปหมด แต่แปลก..แม่บุญกลับไม่ค่อยศรัทธาพระที่เดินตามนักท่องเที่ยวคอยขอเงิน เหมือนที่ไหนเอ๋ย...? แล้วแถมห้อยโหนรถแบบน่าหวาดเสียวอีกด้วย

             
                                                เจดีย์มากมายตั้งอยู่รายรอบเมืองพุกาม


                พุกามตั้งอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำอิรวดี ในเขตภาคกลาง แม่น้ำนี้เป็นแม่น้ำสำคัญที่ไหลจากเหนือสู่ตอนใต้ของพม่า คู่ขนานกับแม่น้ำสาละวิน แต่พุกามกลับแห้งแล้ง และเพราะอากาศแห้งจึงทำให้เจดีย์ทั้งหลายคงสภาพยาวนานมาจนถึงปัจจุบัน

เช้านี้ ตั้งแต่ตีห้า...มิเชลมีอาการไข้ อาเจียน ท้องเสียอย่างรุนแรง เอาเข้าแล้วสิ อาหารเมื่อคืนแน่นอน ขนาดว่าดูกันดีแล้ว ระวังแล้ว ก็ยังไม่วายโดนจนได้ นี่แหละผลเสียของการประหยัดไฟของรัฐบาลแบบไม่คำนึงถึงโทษที่จะตามมา เกิดเป็นคนจนไม่มีปากมีเสียง เขาว่าไงก็ว่าตาม ...สงสารคนพม่าจริง ๆ

         แม่บุญ.รีบค้นหาชาพม่าที่รีเชฟชั่นที่ทะเลสาบิอนเลให้ติดตัวมา ขอน้ำร้อนให้เขาเอามาให้ถึงห้อง จัดการชงให้มิเชลดื่ม...ผลคือ แกยังไม่ได้ล้มตัวลงนอนก็เผ่นเข้าไปอ้วกแบบแม่บุญ..เหมือนกันไม่มีผิด มิเชลเดินหน้าซีดเป็นไก่ต้มหลายน้ำออกมา นอนแผ่หลาบนเตียง สักพักก็กระโดดตัวปลิวเข้าห้องน้ำอีก ตายละหว่า..อาหารเป็นพิษชัด ๆ แม่บุญค้นหายามาให้กินอีกรอบ แต่แกอ้วกออกมาหมด..


         ชักไม่ได้การ ทำไงดี พอดีไซมารับจะพาไปเที่ยว มิเชลบอกให้แม่บุญไปกับไซ แกไปไม่ไหวและไม่อยากให้แม่บุญเสียโอกาส ไหน ๆ ก็จ่ายตังค์เขาไปหมดแล้ว เล่นเอาแม่บุญทำอะไรไม่ถูก ละล้าละลังทำไงดี นั่งดูอาการแกสักพัก เห็นหลับไป เลยแอบไปกระซิบว่าจะออกไปดูเจดีย์ แต่จะรีบกลับมาให้ไว แกพยักหน้ารับ..ค่อยยังชั่ว แต่เพื่อความมั่นใจก็หายาวางไว้ใกล้มือ พร้อมชาร้อน...สาธุ อย่าเป็นอะไรมากกว่านี้เลย


                                   ร้านอาหารที่เราไปดินเนอร์กันและมิเชลท้องเสีย

          ไซ.ถามแม่บุญว่าเราไปกินข้าวกันที่ไหนเมื่อวาน แม่บุญอธิบายให้ฟัง ไซบอกว่าเราสองคนมีท้องที่ sensitive มาก เพราะก่อนหน้านี้แม่บุญท้องเสียหลายวันเพราะอาหาร ตอนนี้มิเชลมารับช่วงต่อ แล้วเราจะกินอะไรกันได้หละเนี่ย เราสองคนตกลงกันที่จะไปดูเจดีย์ที่ไม่ได้อยู่ไกลนัก เพราะอยากกลับเร็ว ๆ มาดูมิเชล ไซตกลงตามนั้น เราไปดูแห่งแรกคือ

เจดีย์ชเวสิกอน ( Shwezigon Pagoda )


                                                   เจดีย์ชเวดากอง ที่ชาวไทยเรียกกัน                                          
              เป็นเจดีย์องค์ใหญ่สีทองเหลืองอร่ามมองเห็นแต่ไกลเพราะความใหญ่โต ชาวพุกามนับถือมาก เพราะเชื่อว่า ท้าวสักกะเทวราชมาร่วมสร้าง มีเรือนของ นัท Nat ที่เป็นผีดีมาช่วยดูแลเจดีย์ เจดีย์นี้สร้างโดยพระเจ้าอะนอระธา เมื่อปี พ.ศ. 1627 แต่สำเร็จในสมัยพระเจ้ากยันสิตถา ในปี พ.ศ.1656 รวม 29 ปีเต็ม คำว่า ชเว แปลว่า ทอง ซิกอน แปลว่า หาดทราย จึงแปลรวม ๆ ว่า เจดีย์ทองริมหาดทรายสีขาว เพราะตั้งอยู่ริมฝังแม่น้ำอิรวดีนั่นเอง เชื่อกันว่าภายในเจดีย์บรรจุพระบรมสารีรกธาตุส่วนพระนลาฏ หรือ หน้าผาก และ พระทันตธาตุ หรือ ฟัน ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

       ทุก ๆ สิบปี ชาวพุกามจะอุทิศเงินบริจาคทรัพย์กันมากมายเพื่อซื้อทองคำมาทำแผ่นทองปิดองค์พระเจดีย์ ทำให้เป็นสีทองอร่ามตลอดเวลา เห็นแล้วก็ทึ่งในความศรัทธา เพราะพวกเขาจน ๆ กันทั้งนั้น ยังต้องมาบริจาคเงินซื้อทองปิดองค์เจดีย์กันอีก…



                                                  อีกมุมหนึ่งของเจดีย์


เวลาเข้าชมเจดีย์ต่างทุกคนต้องถอดรองเท้า บางครั้งถอดตั้งแต่หน้าประตู ถ้าเช้า ๆ ไม่เท่าไหร่ แต่พอบ่ายแดดร้อนจัด เดินกันได้ไงไม่รู้ แม่บุญเดินแบบม้าย่อง กระโดดเหมือนม้าดีดกระโหลกเพราะร้อนที่ฝ่าเท้า แม่บุญจะถือถุงไปด้วยเวลาไปวัด หรือไปชมเจดีย์ เอารองเท้าใส่แล้วถือเข้าไปข้างในเพราะกลัวหายและไม่ต้องจ่ายตังค์ค่าดูแลรักษา เห็นชาวพม่ามากมายมาไหว้ขอพรพระเจดีย์ด้วยใบหน้าสดใสเบิกบาน แล้วก็พลอยอิ่มบุญไปกับพวกเขาด้วย แม่บุญกราบขอท่านให้ช่วยดูแลมิเชลให้หายท้องเสีย อย่าให้มีปัญหาอะไรเลย สาธุ..จากนั้นก็ไปดู

เจดีย์อนันทะ 






ถือเป็นเจดีย์ที่งดงามที่สุด มีผู้คนหลั่งไหลมากราบไหว้มากมายทั้งชาวพม่าและนักท่องเที่ยว เจดีย์แห่งนี้สร้างในสมัยพระเจ้ากยันสิตถาอีกแห่ง ในปี พ.ศ. 1634 กล่าวกันว่าได้รับอิทธิพลจากถ้ำนันทมูลของอินเดีย เดิมจึงชื่อว่า เจดีย์นันทมูล และมาเปลี่ยนเป็น อนันทะ ตามชื่อพระอานนท์ในที่สุด


                                                           ทางเข้าเจดีย์อนันทะ

21/10/53

Bagan

๒๙ มกราคม ๒๕๕๒

จากมัณฑะเลย์มุ่งหน้าสู่บากาน

         วันนี้ต้องเดินทางไกลกันอีกรอบใช้เวลา ๗ ช.ม นั่งรถกันก้นบานไปเลย หมดงานนี้คงต้องหาโอกาสไปออกวิ่งลดพุงที่เพิ่มขึ้นมาตามอายุขัย แม้จะบ่นว่าอาหารไม่อร่อยแต่เราสองคนก็ยังน้ำหนักเท่าเดิม หรือจะมากกว่าเดิมไม่รู้ วัน ๆ นั่งอยู่แต่ในรถ จะว่าไปเงินที่เราจ่ายไปคุ้มไหม ?? ก็ทั้งคุ้มและไม่คุ้มแหละ เล่นนั่งรถทั้งวันแบบนี้เสียเวลาไปถึงที่หมายช้ากว่าเดิม แต่ก็นั่นแหละ..ระหว่างทางเราได้เจอะเจอชีวิตผู้คนแบบจริง ๆ ไม่ใช่แบบผ่าน ๆ ดูรูปที่ถ่ายเเป็นหลักฐานได้เป็นอย่างดี เพราะหาที่ไหนไม่ได้แล้ว
 
       งานนี้แม่บุญกดชัตเตอร์แบบไม่นับ เพราะคิดว่าจะไม่กลับมาอีก ก็แหม่..โลกนี้กว้างใหญ่ยังมีที่ให้ไปดูอีกเยอะแยะ ไม่งั้นเราจะอยู่เที่ยวทำไมกันนมนาน ถ้าจะเที่ยวแบบชะโงกทัวร์ที่เขาทำกัน ป่านนี้เราก็เผ่นกลับบ้านไปแล้ว

       ว่าแล้วเราก็ออกเดินทางกัน ๘ โมงตามเวลานัด ชอบคนพม่าอย่าง เช้า ๆ อย่างนี้การจราจรในเมืองใหญ่ย่อมจอแจเป็นธรรมดา แต่ที่เห็น ๙๐% เป็นรถจักรยาน มอเตอร์ไซค์มีบ้างเหมือนกัน แล้วก็รถยนต์ซึ่งน้อยมาก ส่วนมากเป็นรถเมล์ รถรับจ้าง อากาศเลยดี ชายพม่านุ่งโสร่งใส่เสื้อแขนยาวถีบจักรยาน บางครั้งมีเด็ก หรือผู้หญิงซ้อนท้าย ที่สำคัญทุกคนจะถือปิ่นโตขนาดเล็ก ๒ ชั้น ใส่ข้าว กับข้าวไปกินที่ ๆ ทำงาน จะหาแบบนี้ได้ที่ไหนอีก เมืองไทยเราไม่มีมานานแล้ว หิวก็แวะร้านข้างทาง ใครเอาปิ่นโตห่อข้าวจากบ้านคงถูกโห่น่าดู..เรื่องดี ๆ กลับมองว่าขี้เหนียวบ้าง ไม่เอาเพื่อนฝูงบ้าง เรื่องค่านิยมเนี่ยทำให้หลาย ๆ คนติดหนี้สินกันบานเพราะเอาอย่างคนอื่น ตามที่เห็นคนอื่นเขาทำโดยที่ไม่มองตัวเอง มองความเป็นจริงและที่สำคัญไม่ยอมรับความจริง จนก็ยอมรับว่าจนเหมือนแม่บุญ ใครจะว่ายังไงก็ช่างเขา เราไม่มีหนี้สินให้ต้องคอยหลบหน้าเจ้าหนี้ก็แล้วกัน ชีวิตนี้สุขใดไหนจะเท่า…จริงไหม๊ ??

บากาน หรือ พุกาม ดินแดนแห่งป่าเจดีย์หรือทะเลเจดีย์




                                                      ทะเลเจดีย์ที่บากานหรือพุกาม

รถขับผ่านที่แห่งหนึ่ง ดินแดงปลิวว่อน ฝุ่นคลุ้งตลอดทาง แทบไม่มีบ้านชาวบ้านเลย คงเป็นเพราะไกลจากแหล่งน้ำด้วย นาน ๆ จะเห็นบ้านสร้างด้วยไม้ไผ่สักหลัง ใกล้ ๆ กันเป็นบ่อน้ำบาดาล แต่รอบ ๆ ดูแห้งแล้งจริง ๆ อากาศร้อนอบอ้าว เรานั่งไปหลับไป ตื่นบ้างตามเสียงบีบแตรของไซ แล้วแม่บญก็เหลือบเห็นเด็กเดินกันอยู่สองสามคน บอกให้ไซจอดรถว่าจะเอาขนมให้ ไซบอกว่าจอดไม่ได้อันตราย เราไม่รู้ว่าพ่อ แม่ที่เดินตามมาห่าง ๆ จะทำอะไรนักท่องเที่ยวหรือเปล่า อย่าลืมว่าพวกเขาจนมาก ทำได้ทุกอย่าง ได้ยินแล้วก็หัวหด เลยค่อย ๆ เปิดหน้าต่างรถหย่อนขนมลงไปสามสี่ห่อ เด็ก ๆ เห็นรีบวิ่งมาแย่งกันทันที ขอให้อร่อยนะหนู ฉันทำได้ดีที่สุดแค่นี้แหละ



                                           ถนนหนทางในชนบทของพม่า

เกือบบ่ายไซจอดรถพักเครื่อง ถือโอกาสกินข้าวด้วย ร้านเล็กๆ ในเมืองเล็ก ๆ คนมองเราอีกตามเคย แต่คราวนี้มาแปลก เพราะเขาคิดว่าแม่บุญเป็นไกด์ ไซขับรถ และพานักท่องเที่ยวมาเที่ยว ว่าเข้านั่น แม่บุญสวยเหมือนสาวพม่าอีกแล้วดีใจจริง อาหารหลักของเราที่สั่งไม่พ้น ข้าวผัดสองจาน น้ำชา หรือ กาแฟ และ น้ำเปล่าหนึ่งขวด เป็นสูตรที่ไซรู้โดยไม่ต้องมีการทบทวนหลายครั้ง กินเสร็จก็เผ่น..ไม่ใช่ก็เดินทางต่อ ถ้านั่งเครื่องป่านนี้นอนตีพุงในห้องสบายไปแล้ว



                                             รถยนต์ที่เห็นก็มีแต่รถประจำทางเท่านั้น

รถคงมาไกลมาก ๆ แล้วบางช่วงมีขึ้นเขาด้วย ตอนขึ้นเขาเราเห็นฝรั่งสองคนหญิง ชาย ปั่นจักรยานขึ้นเขา แม่เจ้าโว้ย..ช่างมีความพยายามกันจริง ๆ ถ้าปั่นที่เมืองไทยยังพอว่า แต่นี่..พม่า มิเชลบอกว่าท่าทางเหมือนชาวเนเธอร์แลนด์..ท่าจะจริง ประเทศนี้พื้นที่เขาลาดต่ำกว่าระดับน้ำทะเล ไม่มีภูเขาให้ขึ้น ๆ ลง ๆ แต่ที่นี่ทั้งภูเขา ทั้งถนนที่ขุรขระ คิดผิดหรือเปล่าหนอเพื่อนที่มาถีบจักรยานกลางแดดจ้าแบบนี้ ขอให้ไปถึงที่หมายแบบลมไม่ใส่กลางทางก็แล้วกัน

 ตามรายการทัวร์ เราจะพักที่นี่สองคืนสามวัน แล้วย้อนกลับทางเดิมเพื่อไปย่างกุ้งและกลับเมืองไทย แค่คิดว่าจะต้องนั่งรถกลับทางเดิมก็เหนื่อยแล้ว ตกลงกันแล้วนี่ ทำไงได้ อ้อยเข้าปากช้างแล้ว ป่านนี้กลายเป็นอึช้างกองโตแล้วกระมัง และแล้วเราสองคนก็มาถึงโรงแรมที่พัก ที่อยู่ที่บากานใหม่..เขามีเมืองเก่ากับเมืองใหม่ เราผ่านเมืองเก่ามาแล้ว แต่ที่แน่ ๆ โรงแรมนี้ไกลจากชุมชนจัง เพราะมีบ้านเรือนใกล้ ๆ ไม่กี่หลัง เราลงรถแล้วไซก็พาเข้าไปในตัวโรงแรมซึ่งเป็นเพียงบ้านชั้นเดียว แต่มีบริเวณกว้าง เลยสร้างห้องพักอีกสามสี่ห้องถัดออกไป ที่พักใหม่ใช้ได้ สะอาดพอสมควร แต่ติดที่ว่ามันไกลจากตัวเมือง..ว่าแล้วแม่บุญก็เริ่มรายการสัมภาษณ์

แม่บุญ…เข้าไปในเมืองไกลไหม ??







เจ้าของโรงแรม…ไม่ไกลเท่าไหร่..แต่ต้องนั่งรถไป เพราะไกลเหมือนกัน


แม่บุญ….อ้าว..แล้วบอกว่าไม่ไกล มันยังไง แล้วถ้าเราจะอยากดูบ้านเมืองตอนกลางคืนทำไงจ๊ะ ? เรียกไซ..


มิเชลบอกว่า ..เกรงใจไซ ขับรถเหนื่อยมาทั้งวัน อยากเดินดูเองมากกว่า


แม่บุญ..ไซ..มีโรงแรมอื่นที่มีคอนแท็กกับบริษัทเธอหรือเปล่า เอาที่อยู่ในเมืองหน่อย


ไซ..ผมไม่รู้ เดี๋ยวจะโทรถามเจ้านายให้ ว่าแล้วก็คุยภาษาพม่ากันยืดยาว


เจ้าของโรแรม..ไม่มีที่อื่นที่ดีกว่านี้อีกแล้ว อีกอย่างเขาจองมาแล้วก็ต้องพัก ไม่งั้นก็ต้องจ่ายเงินเหมือนเดิม


แม่บุญ…ฉันทำงานเป็นผู้จัดการห้องพักโรงแรมมาสิบกว่าปี รู้ดีว่าคอนแท็กมันเป็นยังไง บริษัทเขาไม่แฟร์ที่ไม่ให้เราเลือก ทั้ง ๆ ที่เรามีสิทธิ์เลือกตามที่เราต้องการ ในราคาที่เราจ่าย ตอนนั่งรถผ่านมาฉันเห็นมีป้ายโฆษณาโรงแรมเยอะแยะ บอกว่าไม่มีได้ไง





     ถึงตอนนี้ไซเริ่มหน้าเสีย มีการโทรคุยกันอีกนานกับเจ้านาย แม่บุญกับมิเชลยืนยันที่จะขอเปลี่ยนโรงแรมเพราะเราพักตั้งสามวัน แม้ไซจะยืนยันที่จะขับรถรับ ส่งตามหน้าที่ แต่เราก็ยืนกระต่ายขาเดียวเช่นกัน ในที่สุดเราก็ขึ้นรถไปหาโรงแรมใหม่ เล่นเอาเจ้าของโรงแรมหัวเสีย โทรไปต่อว่าเจ้านายของไซยืดยาว .. แม่บุญ..จะยอมก็ต่อเมื่อเห็นว่าเขาไม่เอาเปรียบเราเกินไป แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เริ่มเอาเปรียบ แม่บุญก็มีวิธีจดการขั้นเด็ดขาดเช่นกัน เงินของแม่บุญหามาลำบาก จะเอามาทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ แบบไม่รู้คุณค่าของเงินได้ไง อีกอย่างเราพักมาสิบกว่าวัน ผ่านมาหลายเมือง พอจะรู้ว่าแต่ละแห่งที่เราพักราคาไม่แพงเลย ยิ่งมีคอนแท็กกับบริษัททัวร์ ราคายิ่งถูก เงินที่เราจ่ายไปสองคนพันกว่าดอลล่าร์ มันน่าจะได้อะไรที่ดีกว่านี้สิ…



        ไซ..ขับรถพาเราสองคนตระเวณหาโรงแรมที่พักหลายแห่ง จนมาถึงแห่งสุดท้ายที่ท่าทางดีหน่อย ห้องกว้าง ห้องน้ำสะอาดพอใช้ได้นับว่าดีกว่าที่อื่น ๆ ที่ผ่านมา หลายแห่ง ไซ..ดูจะโล่งอกกับการตัดสินใจของเราสองคน แม้จะบ่นกลาย ๆ ว่าเจ้านายบอกว่าที่นี่ราคาแพงกว่าที่อื่น ๆ ที่เขามีคอนแท็กกัน ทำไงได้หล่ะในเมื่อแต่ละแห่งที่พาไปดู ทั้งห้องเก่าและไม่สะอาด บางทีมีแมลงสาบออกมาสวัสดีเราด้วย จะว่าเรื่องมากก็ต้องยอมรับ..



     ไซ..มีเบี้ยเลี้ยงค่าที่พัก และอาหารต่อวัน แต่ไซเลือกที่จะกินซุปกับนอนบ้านเพื่อนบ้าง โรงแรมถูก ๆ เก่า ๆ บ้าง เพราะจะเก็บเงินเอาไว้เลี้ยงลูกเมีย ถึงได้ผอมแห้งแรงน้อย บางครั้งเราสองคนก็เลี้ยงข้าวเขาตอบแทนที่ขับรถให้เรานั่งทั้งวัน แม้เขาจะได้เงินเดือนแต่ก็น้อยเหลือเกิน




              ค่ำนั้นเราสองคนเดินเล่นจากโรงแรมไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง จัดได้สวยงาม สำหรับต้อนรับนักท่องเที่ยว มีการจุดเทียนให้แสงสว่างตามโต๊ะดูโรแมนติคดีอีกต่างหาก ไซ.ขอไปกินที่อื่นตามเคย มิเชลสั่งเนื้อแพะใส่เครื่องเทศ มันฝรั่ง หน้าตาออกมาเหมือนมัสมั่นไม่มีผิด แม่บุญกินไก่กับเครื่องเทศ กับผัก แล้วยังมีเบียร์พม่าด้วย รสชาติอาหารไม่เลว นับว่าดีที่สุดตั้งแต่มาเที่ยวพม่า หลังอาหารเราเดินเล่นย่อยอาหารไปในตัวจนถึงที่พัก และหลับเพราะความเหนื่อยจากการนั่งรถทั้งวัน ..พรุ่งนี้เราจะเริ่มตระเวณเที่ยวเจดีย์เก่าแก่ที่มีมากมายนับพันองค์กัน ฝันของแม่บุญเป็นจริงอีกแล้ว…


                                              บ้านสร้างด้วยไม้ไผผ่ระหว่างทาง

 



                                                     น้ำบาดาลที่ชาวบ้านเขุดบ่อไว้ใช้