25/10/53

Bagan 3

          ระหว่างทางนั่งรถกลับได้เห็นเจดีย์ที่มากมายก่ายกอง สมกับที่ว่าเป็นทะเลเจดีย์จริง ๆ ว่ากันว่าเมื่อก่อนมีมากมายถึง เจ็ดพันกว่าเจดีย์แตู่ถกทำลายลงไปเรื่อย ๆ จนเหลืออยู่ไม่กี่พันในปัจจุบัน น่าเสียดายแทนจริง ๆ ประวัติศาสตร์คือความภูมิใจของคนในชาติ เป็นสิ่งเตือนใจให้เราเห็นถึงอดีต ความยากลำบากของบรรพบุรุษที่ได้ก่อสร้างบ้านเมืองมา หากไม่มีสิ่งเหล่านี้ เราคงไม่มีวันนี้แน่นอน บ้านเมืองเราเองก็เริ่มเห็นความสำคัญของสิ่งเก่า ๆ และได้เริ่มมีการอนุรักษ์กันอย่างจริงจังมาเป็นเวลาพอสมควรแล้ว


                                                         ทะเลเจดีย์ที่พุกาม                                                                       

          กลับมาถึงโรงแรมมิเชลยังคงนอนอยู่บนเตียงแต่ไม่ได้หลับ ถามได้ความว่าดีขึ้น ตัวไม่ร้อนเพราะกินยา แต่ยังถ่ายอยู่บ้าง แม่บุญเล่าเรื่องที่ไปดูเจดีย์มา และบอกว่าเย็นนี้นัดกับไซว่าจะไปดูพระอาทิตย์ตกที่เจดีย์แห่งใดแห่งหนึ่งเพราะเป็นไฮไลท์ของการมาเที่ยวที่นี่ที่นักท่องเที่ยวแทบทุกคนตั้งตารอ แม่บุญเองก็อยากไป แต่อยากให้มิเชลไปด้วย ตกลงแกรับปากว่าจะไปดูด้วยกัน อย่างนี้สิถึงจะเรียกเลือดสุพรรณ ไปไหนไปด้วยกัน...
 
           สี่โมงครึ่งเดินออกมาขึ้นรถ ผ่านรีเชฟชั่นพอดีเห็นผู้หญิงสองชาวต่างชาติคนคุยกันเรื่องจะไปดูพระอาทิตย์ตกและต้องการเช่ารถ ๆเรานั่งได้อีก อย่ากระนั้นเลยเรียกเขาไปดูด้วยกันดีกว่า มิเชลเห็นด้วยไม่ว่าอะไรแม่บุญเลยเอ่ยปากชวน ซึ่งเขารีบรับอย่างดีใจ ถามได้ความว่ามาจากอเมริกา คนหนึ่งท้วม อีกคนอ้วน คนอ้วนเป็นนักร้องโอเปร่า จำชื่อไม่ได้เสียแล้ว ว่าแล้วคณะเราก็ออกเดินทาง มิเชลไม่ค่อยพูดมากเหมือนเคยคงเพราะกลัวท้องเสียเหมือนแม่บุญที่กังวลเวลาไปเที่ยว เมื่ออาทิตย์ก่อนนั่นแหละ ใครจะไม่กลัวเพราะห้องน้ำสะอาดหายากเหลือเกิน

       แม้ว่าจะมีเจดีย์มากมายก่ายกอง แต่จุดที่จะชมพระอาทิตย์ตกนั้นต้องเลือกไปดูที่ ๆ จะสามารถมองเห็นทะเลเจดีย์ในมุมกว้างให้ได้มากที่สุด และมุมของพระอาทิตย์ที่จะตกอีกด้วย ไม่ใช่อยากไปดูที่ไหนก็ไป อันนี้ถ้าไกด์ที่ไปมาบ่อย ๆ จะรู้จักที่สวย ๆ เป็นอย่างดี แม้แต่ไซ ไกด์ของเรายังไม่ค่อยรู้มากเท่าไกด์อาชีพที่เขาพาแขกมาประจำ โชคดีที่คุยกัน ถามกันไปถามกันมาเลยได้รู้จุดที่ต้องไปดูที่ดีที่สุด



                                                           สวยเกินจะบรรยาย

ห่างจากเจดีย์อนันดาข้ามฝั่งมาด้านตรงกันข้าม มีเจดีย์ใหญ่ที่ไม่มีชื่อในแผนที่ แถมชื่อภาษาพม่าจำยาก ไกด์ที่ว่าเขียนชื่อเจดีย์ให้ชื่อ Bu lai Thi เมื่อคณะเราไปถึงปรากฏว่ามีนักท่องเที่ยวมากมายปีนขึ้นไปรอก่อนหน้านี้แล้วหลายสิบคน ห้าโมงกว่า ๆ ที่พากันปีนป่ายขึ้นไปบนยอดเจดีย์ เดินหามุมเหมาะ ๆ นั่งรอพระอาทิตย์ตก ถัดไปยังมีชาวพม่าหนุ่มแน่นมาวางขายงานศิลปภาพเขียนที่เขาหรือคนอื่นวาดสีสันสวยงาม งานนี้ลดแล้วลดอีกแต่ก็ยังไม่มีใครสนใจ ทุกคนต่างตั้งหน้ารอคอยดูภาพสวย ๆ จากของจริง พร้อมกล้องสารพัดยี่ห้อในมือทั้งแบบใหญ่โตซูมกันได้หลาย ๆ เมตร หรือจะกล้องจิ๋วอัตโนมัติ ต่างเดินหามุมกันวุ่นวาย



                                                            ใครจะยอมพลาดภาพงาม ๆ แบบนี้

ในที่สุดเวลาที่รอคอยก็มาถึง พระอาทิตย์ดวงเดียวของทุก ๆ คน ค่อย ๆ หย่อนกายลงในซอกในมุมของทะเลเจดีย์ที่กว้างสุดลูกหูลูกตา แสงสีแดงบ้าง ส้มบ้าง เหลืองบ้าง สาดส่องกระทบกับยอดเจดีย์ทำให้ภาพมีมิติ งดงามเกินกว่าจะหาคำบรรยายใด ๆ มากล่าวให้เห็นภาพอย่างที่ตาของเราเห็นในตอนนั้น นี่เองที่เป็นจุดขาย จุดเด่นของการมาเที่ยวบากาน ใครไม่มาปีนเจดีย์นั่งรอดูพระอาทิตย์ลับฟ้าบนยอดทะเลเจดีย์ แทบจะเรียกว่าเสียทีที่ได้มาพม่าเลยทีเดียว อาจจะต้องถึงกับตีตั๋วกลับไปกดซัตเตอร์ภาพงาม ๆ อีกครั้งถึงจะเรียกว่ามาถึงพม่า 

                           ประทับใจกับภาพพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุด
 
                                                     ภาพเก็บตก..หามุมเหมาะ ๆนะจ๊ะ  
           กำลังเมามันกับการหามุมถ่ายภาพ ไซ..มาเรียกอยู่ข้าง ๆ แม่บุญ ๆ ๆ ไปดูสามีเธอหน่อย ฉันว่าเขามีอาการแย่มาก เขาอาเจียนอีกแล้ว และปวดท้องมาก เรากลับกันเถอะ ได้ยินแค่นี้แม่บุญก็รีบวิ่งตามก้นไซไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งภาพงดงามทั้งหมดไว้ข้างหลัง เอาน่ามิเชลสำคัญกว่าพระอาทิตย์ตกแหละ ถ้าแกหายเดี๋ยวพามาปีนดูกันใหม่ได้ แต่ถ้าแกเป็นอะไรไป..ไม่อยากคิด
 
      พอดีกับที่สาวอเมริกันเดินสวนทางมา แม่บุญเลยรีบอธิบายให้เธอทั้งสองฟังว่าเราต้องกลับกันแล้วเพราะมิเชลอาการไม่ดี แม่บุญวิ่งมาถึงรถเห็นมิเชลนั่งหน้าซีดเป็นปลาต้มอยู่เบาะหน้า แต่แกใจแข็ง ปากแข็ง ว่าไม่เป็นไร คณะเราขึ้นรถได้ ไซก็ใส่เกียร์เร่งความเร็วทิ้งฝุ่นตลบไว้ข้างหลัง รถม้าที่วิ่งรับคนมาเที่ยวคงฉุนน่าดู วิ่งมาถึงกลางทางมองออกไปนอกรถ สีแดงเจิดจ้าของพระอาทิตย์อัสดง ทาทาบลงด้านหลังเจดีย์ทำให้เกิดสีดำ แดง ตัดกับสีของท้องฟ้า อดไม่ไหวต้องขอหยุดถ่ายสักรูปหน่อยนะมิเชล อย่าพึ่งปล่อยอะไรออกมาตอนนี้เลย สองสาวอเมริกันเองก็ร้องวี้ดว้ายในความสวยของท้องฟ้าและภาพข้างหน้า  วิ่งลงรถทำเวลาถ่ายรูปแบบไม่ต้องเล็งให้เสียเวลาเพราะภาพข้างหน้าสวยแล้ว
 
                        ธรรมชาติช่างสร้างสรรค์ภาพสวยงามเหล่านี้
 
      และแล้วเราก็กลับมาถึงโรงแรม มิเชลไม่รออะไรอีกวิ่งไปอาเจียน พร้อมเข้าห้องน้ำ เดินออกมาหน้าซีดเผือด แม่บุญทำอะไรไม่ถูก สองสาวรีบวิ่งไปหายามาให้ จับมิเชลกรอกยาเสร็จก็จับให้แกนอน และคงหลับไปเพราะความเพลีย ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้กินอะไรเลยทั้งวัน แม่บุญให้ไซไปหาน้ำสไบร์ทมาให้กินแก้เพลียแทนน้ำเกลือ นั่งรอดูอาการสักพักใหญ่ แม่บุญกับสองสาวเลยเดินออกไปหาข้าวกิน จะกินอะไรได้นอกจากก๋วยเตี๋ยวน้ำไม่ใส่เนื้อใด ๆ เพราะเห็นอาการของมิเชลแล้ว ทั้งยังที่ตัวเองท้องเสียก่อนหน้านี้ เล่นเอาเข็ดหลาบกับเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ทีเดียว แม่บุญกินเสร็จก็ขอตัวกลับเพราะห่วงมิเชล สองสาวก็กลับด้วย

     มาถึงโรงแรมมิเชลยังคงนอนไม่ไหวติ่ง สาธุ..หลวงพ่อ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่เราได้ไปกราบไหว้มาตั้งแต่เริ่มการเดินทางขอให้ช่วยดลบันดาลให้มิเชลหายจากอาการป่วยนี้ด้วยเทอญ..แม่บุญนึกอะไรไม่ออกก็ไหว้พระก่อนนอน คิดอยู่ในใจว่าตัวเองเป็นซะยังจะดีกว่าที่มิเชลเป็น เพราะแกอายุมากแล้ว ความต้านทานคงน้อยกว่าแม่บุญ อย่าให้แกเป็นอะไรมากกว่านี้เลย แล้วก็นอนลงข้าง ๆ แก จับมือแกไว้ให้กำลังใจถ่ายทอดไปให้แกได้รับรู้.. พรุ่งนี้ค่อยดูกันอีกที


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น