4/10/53

สะพานอูเป็ง U-Pein Bridge 2

ใกล้ ๆ กันมีคนขายปุต้มสีส้มจัดน่ากิน ก้ามปูใหญ่มากทั้ง ๆ ที่เป็นปูน้ำจืด พี่แกไม่ยักเอาไปดองเอาไว้ใส่ส้มตำเนาะ น่าจะขายดีกว่านี้  หรือจะทำปูเค็มดอง เอาไว้ทำหลนปูเค็มไม่เลวเหมือนกัน ไปเดินดูวิวต่อดีกว่า แม่บุญเดินลงบันไดลงไปในไร่ข้าวโพดเก็บภาพสวย ๆ ต่อ มีนักท่องเที่ยวสามคนขอดูรูปที่ถ่าย หนึ่งในนั้นบอกว่าสวยกว่าที่เห็นเขาถ่ายกันทั่ว ๆ ไป ..ยืดไปเลยแม่บุญ

                                              ชีวิตชาวบ้านพม่าที่สะพานอุเบ็ง


                                               เห็นแล้วอยากนั่งเรือชมพระอาทิตย์ตกดิน

                               เด็กน้อยชาวพม่าที่แม่พามาเดินเล่นแถว ๆ สะพาน

ไปยืนดูชาวสิงคโปร์สามสาวลงเรือไปดูพระอาทิตย์ตก อิจฉาจัง แต่ไปคนเดียว..แพง ไม่เอาดีกว่า พอดีคนแจวเรือหันมาเห็นแม่บุญถามว่ามาจากไหน จากเมืองไทยจ้า อ้อ..ไม่ลงเรือดูพระอาทิตย์ตกรึ ?? ไม่เอาหรอกจ้า..แพง ไม่มีเงินพอจ่าย แล้วแม่บุญก็ยืนโบกมือลา




                                              ข้างล่างสะพานเป็นไร่ข้าวโพด

กำลังถ่ายรูปอย่างเมามัน คนแจวเรือคนนั้นกวักมือเรียกให้รีบ ๆ ไปลงเรือดูวิว ค่าเรือจะลดให้...บุญบันดาล อีกแล้ว งานนี้กระโดดลงเรือแทบไม่ทัน โถ..อุตส่าห์ใจดีรีบแจวเรือเร็ว ๆ เพื่อส่งสามสาวขึ้นฝั่ง แล้วหันหัวเรือมารับแม่บุญไปดูวิวด้วยราคาพิเศษอีกต่างหาก จะเรียกว่าถูกชะตากันคงไม่ผิด เขาแจวเรือหันซ้าย ขวา หน้า หลัง อย่างที่แม่บุญกำกับเพื่อให้ได้ภาพสวย ๆ ถ่ายเสร็จก็ให้แกดู แกหัวเราะชอบใจบอกว่าสวยมาก ๆ แล้วก็แจวเรือเข้าฝั่งเพื่อส่งแม่บุญ ถามได้ความว่าแต่งงาน มีลูกหลายคน แต่ทำมาหากินไม่พออยากไปทำงานที่เมืองไทย..โถ.แล้วจะช่วยได้ยังงัยเนี่ย ตกลงแม่บุญจ่ายค่าจ้างแถมทิปอีก ไป ๆ มา ๆ ก็ต้องจ่ายแพงกว่าราคาเหมา สงสารแกหากินคนเดียว แกยิ้มและกล่าวขอบคุณ แล้วเราก็ลากัน..ไม่รู้จะได้พบกันอีกเมื่อไหร่


                               แม่บุญยิ้มแป้มแล้นได้นั่งเรือสมใจ


คนพายเรือ



                         ภาพพระอาทิตย์ตกดินที่ทุกคนตั้งตารอชม สวยเกินบรรยายจริง ๆ

                                             ใครอยากไปดูเหมือนแม่บุญบ้างสวย ๆ แบบนี้

                                                     อีกครั้งกับภาพตะวันตกดินที่สะพานอูเบ็ง

แม่บุญลงเรือแล้วยิ้มร่าไปหามิเชลกับไซ ยังไม่ได้เอ่ยปากเล่า ก็ถูกไซบอกว่าให้รีบ ๆ ไปขึ้นรถเราต้องออกจากพื้นที่นี้ให้เร็วที่สุด เกิดอะไรขึ้น ?? แม่บุญถาม มิเชลเองก็หน้าไม่ดี ตกลงเลยรีบกระโดดขึ้นรถกันทั้งสามคน รถออกตัวได้เร็วผิดกว่าทุก ๆ ครั้ง ไซ..ท่าทางไม่ดี มิเชลเล่าให้ฟังว่า หลังจากแม่บุญเดินไปดูวิว เขาก็นั่งดื่มเบียร์กับไซ คุยกันอย่างสนุกสนาน สักพักเด็ก ๆ แถวนัั้นก็เข้ามาร่วมวงด้วย มิเชลพูดภาษาพม่าตามที่พวกเขาบอก เลยสนุกกันใหญ่ หารู้ไม่ว่าถูกจับตามองจากเจ้าหน้าที่ ๆ ไม่ได้แต่งเครื่องแบบ เขาไม่ชอบให้คนของเขามาพูดคุยกับคนต่างชาติมากนัก ไซเลยถูกเรียกไปคุย สักพักวงก็แตก พอดีแม่บุญมาเลยพากันเผ่น ...นี่แหละ..มาเที่ยวที่นี่ไม่ใช่บ้านเรา ทำอะไรต้องระวัง ...




ไซ.เงียบไปเยอะ คงกลัวจะถูกรายงานไปที่บริษัท เราสองคนได้แต่ปลอบใจว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิด หากมีอะไรเกิดขึ้นเราจะเป็นพยานให้ เขาถึงได้ดีขึ้นบ้าง ไซไปส่งที่โรงแรม ล้างหน้า ล้างมือเสร็จเราสองคนก็ออกเดินไปตามถนนหาข้าวกิน ไปเจอร้านอาหารมังสวิรัติ คนเยอะน่าจะใช้ได้ สั่งผัดผักมาสองจานกินกับข้าว อร่อยเป็นมื้อแรกแบบไม่กลัวท้องเสียเพราะไม่มีเนื้อสัตว์

เราเดินคุยกันเรื่องสะพานอูเป็งที่สวยงามจนมาถึงโรงแรม อาบน้ำ จัดกระเป๋า พรุ่งนี้ต้องเดินทางไกลอีกครั้ง เพื่อไปเมือง บากาน หรือ พุกาม นั่นเอง


                               ภาพสุดท้ายก่อนลา..สะพานอูเบ็ง เมื่อไหร่จะได้พบกันอีก

                                

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น