13/5/53

เที่ยวพม่า 2

ต่อกันเลยเนาะ...

กำหนดการเดินทางของเราคือ ๑๙ มารา ถึง ๓๑ มกรา เอาละหว่าต้องเตรียมตัวกันหน่อย ซื้อตั๋วเสร็จก็ต้องหาข้อมูลกัน หลังกินอาหารเที่ยงที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ใจกลางเมือง แม่บุญขอแวะเข้าร้านหนังสือหาข้อมูลเดินทางเที่ยวพม่าเสียหน่อย เลือกอยู่นาน อ่านอยู่หลายเล่ม ไปได้ข้อมูลถูกใจอยู่เล่มหนึ่งเลยซื้อกลับมาอ่านต่อ และได้ใช้เป็นคู่มือจนถึงวันกลับทีเดียว นับว่าไม่เสียหลายเพราะหลายครั้งข้อมูลไม่ค่อยจะตรงนัก

เช้าวันที่ ๑๙ การเดินทางของเราสองคนก็เริ่มต้น แม่บุญกับสามีถือกระเป๋าเดินทางใบย่อม ไม่ใหญ่ไม่เล็ก ให้น้องสาวขับรถไปส่งที่ปากซอย เพราะเราเห็นแล้วว่ามีรถเมล์สาย ๕๕๕ ที่ไม่หกวิ่งเลยเถิดไปถึงสนามบินใหม่ งานนี้ทั้งประหยัดและสบาย เสียค่าโดยสารคนละ ๒๓ บาท จับจองที่นั่งหน้าสุดไว้ชมวิวรถติด แอร์เย็นฉ่ำ ไม่ต้องจ่ายค่าทางด่วน ค่ามิเตอร์ที่ขึ้นพรวด ๆ เวลารถติด เอาน่า..เราไม่ได้ขี้เหนียวหรอก หัดประหยัดกันแบบนี้จะได้มีเงินเที่ยวนาน ๆ ต่างหาก

รถวิ่งมาถึงสนามบินเกือบเที่ยงมีเวลาอีกสองชั่วโมง นั่ง ๆ เดิน ๆ สำรวจรอบ ๆ สนามบินใหม่ของเราใหญ่โตอลังการณ์ดีจริง ๆ เดินดูกันจนท้องร้อง แม่บุญเหลือบเห็นข้าวเหนียวไก่ทอด แหม่..ถ้ามีส้มตำด้วยละเด็ดเลย ว่าแล้วก็ซื้อติดไม้ติดมือมากันคนละสองอก ไก่ทอดใหม่ ๆ ข้าวเหนียวร้อน ๆ อดใจไม่ไหวเลยจัดการขั้นเด็ดขาดที่สนามบินนั่นเอง ..

เขาเรียกเช็คอินแล้ว มองดูคนที่มาเข้าแถว หน้าตาคล้าย ๆ แขกอินเดีย สาวพม่าหลาย ๆ คนที่มายืนเข้าคิว หน้าตาสวยงามราวกับดารา แต่งตัวแบบดาราไทยเด๊ะ ใส่กางเกงขาสั้น รองเท้าส้นสูง ทันสมัยกว่าแม่บุญอีก แม่บุญขอที่นั่งแถวแรก ๆ เพราะไม่ชอบนั่งด้านหลังเครื่อง เคยเมาเครื่องอ้วกแตกมาหนึ่งครั้งเข็ดแทบตาย นั่งมาได้สักชั่วโมงกว่า ๆ เราก็มาถึง....พม่า

สนามบินย่างกุ้งไม่ใหญ่อย่างสนามบินสุวรรณภูมิบ้านเรา น่าจะประมาณสนามบินในประเทศของเรานั่นแหละ ผ่านเข้ามาถึงเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง หน้าตาท่าทางขึงขัง เอกสารสองชุดที่นักท่องเที่ยวแต่ละคนต้องยื่นถูกแบ่งออกใส่คนละกล่อง แล้วเราก็ผ่านออกมาถึงนอกอาคาร รถแท็กซี่เก่า ๆ หลายคันจอดรอผู้โดยสาร มีผู้ชายหลายคนถามเราสองคนว่าจะไปที่ไหน แม่บุญกับมิเชลตกลงใจเลือกคนที่หน้าตาดูใจดีกว่าเขาเพื่อน ถามราคาเข้าตัวเมืองเพื่อไปโรงแรมที่เขาแนะนำไว้ในหนังสือ จำไม่ได้ว่าจ่ายค่ารถไปเท่าไหร่ เพราะพอไปถึงปรากฏว่าไม่เป็นไปตามที่เราต้องการ คือ ที่แรก ห้องพักอับ แคบ ไม่มีแสงแดดให้เราเห็นเลย ที่ ๆ สอง เดินขึ้นไปถึงชั้นห้า กะว่าถ้าลืมของคงได้วิ่งกันขาลาก เพราะบันไดสูงชันเหลือเกิน กลัวตกลงมาคอหักตายก่อนได้เที่ยวเลยขออำลา

และอีกสอง สามที่ ๆ เราต้องเซย์โน แท้งคิว ๆ จะให้ไปพักโรงแรมห้าดาวคืนละหลายร้อยดอลล่าร์ คงอยู่ดูพม่าได้สามวันแล้วเผ่นกลับเมืองไทยเลย อีกอย่างเรามาเที่ยวตะลอนทัวร์ทั้งวัน เสียดายเงินหลายร้อยหากจะแค่นอนอย่างเดียว สุดท้ายแท็กซี่ก็พามานอนเกสต์เฮ้าท์ราคาคืนละ ๑๓ ยูเอสดอลล่าร์รวมอาหารเช้า ไม่ต้องไปเทียบกับโรงแรมหลายดาวเขาหรอก เอาเป็นว่าห้องสะอาด มีห้องน้ำในตัว มีอาหารเช้ากินก็ใช้ได้แล้ว อีกอย่างไม่ไกลจากตัวเมืองมากนักถ้านั่งรถนะ ไม่ใช่เดิน

เช็คอินแล้ว เข้าห้องนำทำธุระเสร็จก็ออกมาถามรีเชฟชั่นถึงที่แลกเงิน เขาแนะนำให้ไปแลกในตัวเมืองที่ตลาดสก็อตเพราะที่นั่นเป็นแหล่งรับแลกเงินและให้ราคาดี แต่เราต้องนั่งรถไปเพราะไกล ทำไงดีเราไม่มีเงินสกุลพม่าติดตัวเลย นอกจากเงินไทย ยูโร ยูเอส ตกลงสาวน้อยรีเชฟชั่นผู้ใจดีก็แนะนำให้เราแลกเงินที่เธอแค่ห้าดอลล่าร์ เอาแค่พอค่ารถและกินข้าวอีกนิดหน่อย ความคิดดีแฮะ ตกลงแลกมาตามนั้น

เดินออกจากที่พัก แฮะ ๆ เหมือนบ้านนอกเลย มีเพียงรถสามล้อถีบเล็ก ๆ และรถเมล์ที่นาน ๆ จะมาที เราเดินมาไกลมากจนถึงถนนใหญ่ มองซ้าย ขวา หารถเมล์ที่จะเข้าเมือง รั้ง ๆ รอ ๆ ไม่รู้จะไปยังไง พอดีมีเด็กผู้ชายน่าจะเป็นนักศึกษาถามเราสองคนว่าจะไปไหนเป็นภาษาอังกฤษ แม่บุญได้ทีรีบอธิบายคร่าว ๆ เขาบอกว่าจะไปทางนั้นพอดี เดี๋ยวจะนำทางไปให้

ตกลงเราเลยได้นั่งรถเมล์พม่าราคาถูกสุด ๆ ๓๐ จ๊าตต่อคน ตั้งแต่วันแรก นับว่าไม่เสียเที่ยว มิเชลยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เพราะพี่แกชอบอยู่แล้ว เมินเสียเถอะที่จะพาแม่บุญนั่งสบาย ๆ บนแท็กซี่ แกบอกว่ามาเที่ยวทั้งทีต้องทำตัวให้กลมกลืนกับพวกคนที่นี่ให้ได้ ใครได้สามีใจดีพาขึ้นแต่แท็กซี่นับว่าโชคดีไป ตอนนี้แม่บุญเริ่มชิน และเริ่มชอบเสียด้วย เพราะมันเข้าถึงจริง ๆ ถึงไหนหรือแม่บุญ...?? อ้าว ก็ถึงพม่านะสิ..ถามได้

รถมาจอดตรงถิ่นจอแจใจกลางเมือง ไม่ต้องเดาก็รู้แล้วว่ามาถึงที่หมายแล้ว แหม่นั่งยังไม่หายมันส์เลยถึงเสียแล้ว เราสองคนขอบคุณผู้นำทางผู้ใจดี แล้วก็ลงรถมายืนข้างทาง เล็งให้จะ ๆ ว่าจะเอายังไงกับชีวิต มองไปทางไหนก็ไม่คุ้นเคย ๕ โมงกว่าแล้ว ต้องรีบ ๆ เพราะเดี๋ยวมืดค่ำจะกลับที่พักไม่ถูก เราเดินไปตามถนนใหญ่มองหาที่แลกเงินแต่ไม่มีที่ไหนเลย ผ่านไปเกือบชั่วโมง ไม่เอาแล้วหิวข้าว แต่ไม่มีเงินจ๊าด ที่มีก็คงไม่พอที่จะซื้ออะไรได้ ตกลงเราเลยเดินต่อจนมาถึงหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง พนักงานชี้ชวนให้เข้าไปนั่งในร้าน เห็นหน้าตาข้าวหมกไก่ แล้วน่าจะพอไหว แม่บุญเลยถามเขาก่อนว่ารับเงินดอลล่าร์ไหม ? เจ้าของร้านพยักหน้าแต่บอกว่าให้น้อยกว่าที่เขาแลกทั่ว ๆ ไปนะ ตกลง..อ้อยเข้าปากช้างแล้ว เอาก็เอา พอข้าวคำแรกเข้าปากแม่บุญอดสงสารมิเชลไม่ได้เพราะไม่อร่อยเลย น้ำซุปเค็มถึงใจ มื้อแรกก็เจอดีเข้าเสียแล้ว แม่บุญเองไม่เป็นไรเพราะท้องพอจะชินกับอาหารแถบเอเซีย ..ตกลงหลังอาหารเราต้องนั่งแท็กซี่กลับเพราะไม่รู้ทาง และค่ำมากแล้ว พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น